วันเสาร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2560

12 วิธีทำความสะอาดผิด ๆ แบบนี้ไง ของใช้ในบ้านเลยพังไม่เหลือ !

 
 

      ไปเช็กกันหน่อยว่าคุณยังทำความสะอาดแบบผิด ๆ กันอยู่หรือเปล่านะ เช็กแล้วรีบเปลี่ยนวิธีการทำความสะอาดบ้านเหล่านี้ให้ถูกต้องซะ ก่อนจะต้องซื้อของใช้ในบ้านใหม่หมดทั้งหลัง

        การทำความสะอาดบ้านที่มีทั้งประโยชน์และโทษในคราวเดียวกัน หากเราใส่ใจทำความสะอาดอย่างถูกวิธีก็ไม่มีปัญหาให้ต้องตามแก้ แต่ถ้าทำความสะอาดผิดขึ้นมา แน่นอนว่าปัญหามารออยู่ตรงหน้าแน่นอน ดังนั้นกระปุกดอทคอมจึงรีบเฟ้นหาวิธีการทำความสะอาดแบบผิด ๆ มาบอกให้รู้กันก่อน ก่อนที่ของใช้ในบ้านจะพังไปมากกว่านี้ แต่รู้แล้วก็อย่าลืมเปลี่ยนด้วยนะคะ ถึงจะเห็นผลจริง ๆ

1. เช็ดกระจกทุกครั้งที่เห็นรอยนิ้วมือ

        เลิกซะเถอะเวลาเห็นรอยนิ้วมือบนกระจก แล้วพุ่งตัวไปหยิบน้ำยาเช็ดกระจกมาพ่นใส่ตลอดเนี่ย นอกจากจะไม่ช่วยทำให้รอยเหล่านั้นหายไปแล้ว ยังพาความชื้นมาด้วย อีกทั้งการฉีดพ่นสเปรย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็จะทำให้พื้นผิวของกระจกสึกกร่อนได้เร็วกว่าอายุขัย เอาเป็นว่าจัดสรรตารางเวลาทำความสะอาดให้เหมาะสม เช็ดกระจกแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็พอ

2. เทน้ำยาจำกัดคราบสูตรเข้มข้นลงบนผ้าโดยตรง

        คราบบนเสื้อผ้าที่ว่าเปื้อนหนักต้องรีบกำจัดโดยด่วน แต่ห้ามใช้น้ำยากำจัดคราบสูตรเข้มข้นราดลงบนเนื้อผ้าโดยตรงนะ เพราะน้ำยาเหล่านั้นจะทำให้คราบยิ่งซึมและฝังเข้าไปในเนื้อผ้า ไม่ได้ช่วยกำจัดคราบให้หลุดออกไปแต่อย่างใด เผลอ ๆ ถึงขั้นกัดเนื้อผ้าจนเสียหายเลยก็เป็นได้ ทางที่ดีควรทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้ข้างฉลากจะดีกว่า

3. เช็ดท็อปเคาน์เตอร์แบบมั่ว ๆ

        การทำความสะอาดท็อปเคาน์เตอร์ครัวเป็นเรื่องที่ควรทำทุกวัน แต่ถ้าไม่มีเวลาแล้วจะมาเช็ดแบบมั่ว ๆ ไม่ได้เลยนะคะ สู้ปล่อยทิ้งไว้แล้วค่อยสะสางในเวลาว่างอย่างถูกวิธีจะดีกว่าไหม มิเช่นนั้นชั้นผิวที่เคลือบป้องกันหน้าท็อปเคาน์เตอร์อยู่นั้นอาจจะหลุดออก และทำให้การทำความสะอาดครั้งต่อไปยากขึ้นกว่าเดิมเอาเป็นว่าเลอะคราบที่จุดไหนก็เช็ดแค่ที่จุดนั้นและไม่ต้องเช็ดบ่อยจนเกินไป แนะนำว่าหลังใช้งานของวันแค่ครั้งเดียวก็พอค่ะ

4. ทำความสะอาดพื้นไม้บ่อย

        หากบ้านใครตกแต่งด้วยพื้นไม้สวย ๆ ราคาแพง ๆ ยิ่งไม่ต้องขัดถูหรือเคลือบบ่อย เพราะจะทำให้พื้นผิวหน้าเดิมที่เคลือบพื้นไม้นั้นเปิดออก และเมื่อใช้น้ำถูพื้นในครั้งต่อไป น้ำก็จะเข้าไปทำลายพื้นไม้จนเสียหายได้เลยนะคะ แค่รักษาความสะอาดและลดกิจกรรมที่ทำให้พื้นเปื้อนง่ายลงก็พอค่ะ

5. ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเส้นผมทุกครั้งที่เจอ


        ปัญหาเส้นผมร่วงหล่นในบ้านไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดด้วยเครื่องดูดฝุ่นทุกครั้งเสมอไป มิเช่นนั้นเส้นผมจะไปจับตัวพันกันเป็นก้อนอุดตันอยู่ในเครื่องดูดฝุ่น ทางที่ดีให้ใช้ไม้กวาดกวาดเส้นผมเหล่านั้นทิ้งไปดีกว่า ส่วนขนสัตว์แนะนำให้ใช้เครื่องดูดทำความสะอาดแค่สัปดาห์ละครั้งก็พอค่ะ

6. ซักเสื้อผ้าบางชนิดหลังใส่เลยทันที

        เสื้อผ้าต้องซักทุกครั้งหลังใส่ก็จริง แต่สำหรับผ้าบางชนิดแล้วนั้นไม่จำเป็นต้องจับลงเครื่องซักผ้าหลังสวมใส่ทุกครั้งไป เนื่องจากการซักบ่อย ๆ อาจจะทำให้เนื้อผ้าเสื่อมสภาพเร็ว ส่วนชุดกีฬา เสื้อยืด ถุงน่อง หรือผ้าที่ต้องเจอกับสิ่งสกปรกควรต้องซักหลังสวมใส่ มิเช่นนั้นกลิ่นโชยมา แล้วจะหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะคะ

7. ฉีดสเปรย์ลงบนเฟอร์นิเจอร์ไม้โดยตรง

        รู้หรือไม่ว่าการฉีดสเปรย์กำจัดฝุ่นลงบนเฟอร์นิเจอร์โดยตรง ไม่ได้ช่วยให้เฟอร์นิเจอร์สะอาดขึ้นเลย แต่จะสร้างชั้นฟิล์มบนผิวเฟอร์นิเจอร์และดูดฝุ่นให้กลับมาเกาะอีกครั้งมากกว่า แนะนำว่าเปลี่ยนมาฉีดสเปรย์ใส่ผ้าก่อน แล้วค่อยนำไปเช็ดทำความสะอาดฝุ่น รับรองสะอาดเกลี้ยงไม่เลี้ยงฝุ่นให้กลับมาเกาะแน่นอน

8. ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับผ้าขนหนูเนื้อหยาบ

        น้ำยาปรับผ้านุ่มคือของดีที่ทุกบ้านต้องมีติดไว้ก็จริง แต่เราไม่ควรใช้น้ำปรับผ้านุ่มเข้มข้นกับผ้าขนหนูเนื้อหยาบ เพราะจะทำให้ผ้าเสียทรงและเนื้อสัมผัสแบบเดิม ยังลดการซึมซับน้ำของผ้าขนหนูอีกด้วย แต่ถ้าอยากจะใช้จริง ๆ แนะนำให้เจือจางน้ำยาปรับผ้านุ่มซะก่อนก็จะดีกว่าค่ะ

9. เช็ดแผ่นซีดีด้วยผ้าธรรมดา

 
        นักสะสมแผ่นซีดีต้องดูไว้ หากเกิดรอยเปื้อนหรือรอยขีดข่วนบนแผ่นอย่าใช้ผ้าธรรมดา ๆ เช็ดโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นแผ่นซีดีอาจจะใช้งานไม่ได้เลย วิธีทำความสะอาดที่ถูกต้องคือ ป้ายยาสีฟันลงบนรอยขีดข่วน แล้วใช้ผ้าขนนุ่ม ๆ เช่น ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดออกอย่างเบามือ เปิดน้ำผ่านแผ่นซีดีเพื่อล้างยาสีฟันออก ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดซ้ำ แล้วทำการลงครีมเคลือบเงาเฟอร์นิเจอร์ลงบนแผ่นซีดี

10.  ทำความสะอาดหินอ่อนด้วยน้ำมะนาวและน้ำส้มสายชู

        สารพัดพื้นผิวในบ้านที่เป็นหินอ่อน ไม่ว่าจะเป็นท็อปเคาน์เตอร์หรือกระเบื้อง ก็ไม่ควรใช้น้ำส้มสายชูและน้ำมะนาวทำความสะอาด แม้วัตถุดิบทั้ง 2 ชนิดจะมีคุณสมบัติช่วยกำจัดคราบก็เถอะ เพราะมันมีกรดที่กัดกร่อนหินอ่อนให้เสียหายได้

11. เช็ดหน้าต่างกระจกตอนแดดแรง ๆ

        ใช่ว่าในตอนกลางวันที่แดดแรงแซงปรอทแตกขนาดนั้น จะช่วยฆ่าเชื้อโรคไปพร้อมกับการทำความสะอาดหน้าต่างได้ อันที่จริงแล้วเราไม่ควรเช็ดกระจกในตอนนั้นเด็ดขาด เพราะมันจะแห้งเร็วเกินไปจนทำให้เกิดรอยขีดข่วนขณะเช็ดกระจกได้นั่นเอง

12. เช็ดหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้วยกระดาษทิชชู

        ราคาค่างวดของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็ไม่ใช่ถูก ๆ ถ้าหากใช้ทิชชูเนื้อหยาบเช็ดหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้วละก็ ต้องเกิดรอยขีดข่วนแน่นอน เปลี่ยนมาใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อแล้วเช็ด จะทำให้สะอาดกว่าเยอะ แถมไม่เกิดรอยขีดข่วนด้วยนะคะ

        เชื่อหรือยังว่าหากละเลยสิ่งเล็กน้อยไปอาจจะทำให้เกิดความเสียหายใหญ่โตตามมา ในเมื่อรู้แล้วว่าการทำแบบผิด ๆ มันเป็นอย่างไรจะส่งผลอะไรบ้างนั้น ก็อย่าลืมหลีกเลี่ยงและทำให้ถูกวิธีกันนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก goodhousekeeping, kleen-freak, ethanlazzerini และ countertopspecialty

เครดิตภาพ  https://home.kapook.com/view146961.html