วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559

8 ทางลัดกำจัดรอยยับบนเสื้อผ้า โดยไม่ใช้เตารีด !


         ทางลัดการกำจัดรอยยับบนเสื้อผ้า โดยไม่ต้องใช้เตารีด สำหรับคนที่ไม่ชอบรีดผ้าหรือเกิดเหตุฉุกเฉิน มาดูกันว่ามีวิธีใดบ้างที่สามารถทำให้เสื้อผ้าเรียบได้ โดยไม่ต้องใช้เตารีด

          สำหรับคนที่ไม่ชอบรีดผ้า หรือมีเหตุจำเป็นต้องใส่เสื้อแต่ไม่มีเตารีด วันนี้กระปุกดอทคอมก็ได้รวบรวมทางลัดกำจัดรอยยับบนเสื้อผ้าโดยไม่ต้องใช้เตารีดมาบอกต่อแล้วค่ะ วิธีการกำจัดรอยยับแบบง่าย ๆ ดูไว้ใช้ตอนเดินทางก็ได้ แล้วจะรู้ว่าไม่จำเป็นต้องมีเตารีดก็สามารถทำให้ผ้าเรียบได้เหมือนกัน อยากรู้ว่าทำอย่างไรบ้างก็ตามไปชมพร้อม ๆ กันเลย

1. ทับด้วยผ้าเปียกยามฉุกเฉิน

          วิธีนี้สามารถแก้ไขได้เฉพาะสถานการณ์ที่เหมาะสมเท่านั้นนะคะ ให้นำผ้าขนหนูหรือกระดาษทิชชูอย่างหนาไปชุบน้ำ แล้วบิดหมาด ๆ ทาบลงไปบนรอยยับของเสื้อผ้าที่วางอยู่บนพื้นราบ ใช้มือกดเบา ๆ บริเวณรอยยับ แล้วผึ่งให้แห้งก่อนใส่

2. ไดร์เป่าผมคลายรอยยับ

          ไม่มีเตารีดก็ใช้ไดร์เป่าผมแทนได้ โดยนำเสื้อผ้าที่มีรอยยับไปแขวน แล้วจัดทรงให้เรียบร้อย จากนั้นนำไดร์เป่าผมมาเป่าบริเวณที่มีรอยยับ เว้นระยะห่างระหว่างไดร์เป่าผมกับเสื้อผ้าสักประมาณ 2-3 นิ้ว แล้วก็เป่าจนกว่ารอยยับจะหายไป

3. อบไอน้ำจากฝักบัว

          เชื่อหรือไม่ว่าแค่แขวนเสื้อผ้าในห้องน้ำก็ทำให้ผ้าเรียบได้ ด้วยการนำเสื้อผ้าที่มีรอยยับไปแขวนที่ราวม่านอาบน้ำ แล้วเปิดน้ำอุ่นที่ฝักบัวทิ้งไว้ ปิดประตูห้องน้ำและช่องระบายอากาศประมาณ 10-15 นาที ไอจากน้ำอุ่นจะช่วยคลายรอยยับบนเสื้อผ้าได้ แนะนำให้ใช้วิธีนี้เมื่อยามฉุกเฉินจะดีกว่านะคะ เพราะไม่อย่างนั้นจะเปลืองค่าน้ำเอาได้ หรือรองน้ำใส่ถังรองเก็บไว้ใช้ในคราวต่อไปก็ได้ค่ะ

4. พ่นสเปรย์ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่ม

          ถ้ามีรอยยับแค่ไม่กี่จุดก็ไม่จำเป็นต้องรีดให้เปลืองแรง แค่ผสมน้ำเปล่ากับน้ำยาปรับผ้านุ่มในปริมาณที่เท่า ๆ  กัน เทใส่ขวดสเปรย์ จากนั้นนำเสื้อผ้าที่มีรอยยับมาแขวนไว้ เล็งหัวฉีดไปที่รอยยับ โดยเว้นระยะห่างประมาณ 12 นิ้ว แล้วฉีดพ่นสเปรย์ไปบนรอยยับเพียงเบา ๆ บาง ๆ ก็พอค่ะ ทิ้งไว้ให้แห้ง ผ้าก็จะกลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิมค่ะ

5. อบไอน้ำจากกาต้มน้ำ

          อีกหนึ่งวิธีในการลบรอยยับโดยไม่ต้องใช้เตารีดก็คือ นำเสื้อผ้าไปอังไว้ที่รูพ่นไอน้ำของกาน้ำ เว้นระยะห่างสักประมาณ 12 นิ้ว รอยยับก็จะค่อย ๆ หายไป แล้วเสื้อผ้าก็จะกลับมาเรียบเหมือนเดิม

6. ใช้เครื่องอบผ้าช่วย

          บ้านไหนมีเครื่องอบผ้าอยู่ถือว่าโชคดีเลย เพราะแค่นำเสื้อผ้าที่มีรอยยับเข้าไปอบในเครื่องอบแห้งพร้อมกับผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ สักผืน แล้วเปิดเครื่องให้ทำงานทิ้งไว้ด้วยระดับความร้อนต่ำ ประมาณ 5-10 นาที เครื่องก็จะจัดการกำจัดความเปียกชื้นให้หายไปพร้อมกับรอยยับบนเสื้อผ้า ที่สำคัญเมื่อเครื่องอบผ้าเสร็จแล้ว ให้รีบนำผ้าออกมาแขวนเลยทันที

7. ไม่ปั่นแห้งหลังซัก

          วิธีที่ง่ายที่สุดแต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย หลังซักเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ให้นำเสื้อผ้าเหล่านั้นไปแขวน จัดทรงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนนำไปตากแดด โดยไม่ต้องปั่นแห้งเพราะจะเกิดรอยยับ ซึ่งจะเกิดรอยยับน้อยจนอาจไม่ต้องรีดเลยก็ได้

8. เติมน้ำส้มสายชูตอนซัก

          นอกจากจะช่วยทำความสะอาดผ้าได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว น้ำส้มสายชูยังทำให้ผ้าเรียบไร้รอยยับได้อีกด้วย เพียงแค่เทน้ำส้มสายชูลงไปในเครื่องซักผ้าประมาณ 1 ถ้วยตวง ในระหว่างที่เครื่องกำลังทำงาน จะทำให้เสื้อผ้าไม่ยับจนเกินไป เผลอ ๆ ไม่ต้องรีดซ้ำเลยก็ได้

          เห็นไหมว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้เตารีดเพื่อกำจัดรอยยับบนเสื้อผ้าเสมอไป เพราะวิธีทางลัดเหล่านี้ก็สามารถทำให้เสื้อผ้ากลับมาเรียบและอยู่ในสภาพพร้อมสวมใส่ได้เหมือนกัน หากเกิดเหตุเร่งรีบหรือมีปัญหากับเตารีดก็ลองนำวิธีดี ๆ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ไปลองใช้กันดูนะคะ
 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก whowhatwear, Racked และ Wikihow

http://home.kapook.com/view162928.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/explore/hipster-outfits-winter/

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559

5 วิธีสะเดาะลูกบิดพัง ไว้เปิดประตูเอาตัวรอดยามฉุกเฉิน

วิธีสะเดาะลูกปิดประตูด้วยอุปกรณ์ใกล้ตัว เปิดประตูล็อกยามฉุกเฉิน เมื่อลืมกุญแจหรือประตูล็อกเองเนื่องจากใช้งานมานาน แต่ไม่สามรถเปิดได้ วันนี้มีวิธีเอาตัวรอดมาบอกแล้ว


          ปัญหาเกี่ยวกับประตูบ้านมีให้เห็นกันบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลืมกุญแจ ประตูล็อกเอง หรือลูกบิดล็อกตาย เนื่องจากผ่านการใช้งานมานาน แน่นอนว่าหลายคนคงจะมีกุญแจสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉินกันอยู่แล้ว แต่สำหรับกรณีที่ไม่มีกุญแจ สามารถเปิดประตูได้เหมือนกัน เพียงแค่ทำให้สลักลูกบิดหลุดออกจากวงกบประตู ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธีด้วยของใกล้ตัวกับขั้นตอนเหล่านี้


1. พับบัตรเครดิตขึ้น แล้วสอดส่วนที่พับตั้งขึ้นเข้าไปในร่องระหว่างประตูกับลูกบิดให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามสอดบัตรให้เข้าไปในช่องระหว่างสลักลูกบิดและวงกบประตูแล้วรูดบัตรลงให้สลักหลุดออกมา 


ภาพจาก Greycatshow
  
2. เสียบไขควงขนาดเล็กเข้ากับตรงกลางของรูเสียบกุญแจของลูกบิดด้านนอก ดันไขควงเข้าไปจนสุด จากนั้นใช้คีมหนีบไขควงให้แน่นแล้วหมุน ทิศทางการหมุนขึ้นหรือหมุนลงจะขึ้นอยู่กับชนิดของลูกบิด ทั้งนี้ให้หมุนไปในทิศทางเดียวกันกับการใช้กุญแจเปิดตามปกติ  


ภาพจาก Mr. Locksmith


   


3.  สำหรับลูกบิดประตูห้องน้ำหรือห้องนอน สามารถเปิดได้ง่าย ๆ เนื่องจากเป็นลูกบิดที่มีไว้ป้องกันความเป็นส่วนตัวเท่านั้น ระบบล็อกจึงไม่ยุ่งยาก ให้ใช้เหรียญกดเข้ากับรูกลางลูกบิดแล้วหมุน อีกวิธีหนึ่งคือใช้ปลายกรรไกรเสียบกับรูตรงกลางแล้วหมุนเปิด


ภาพจาก Stuff To Know


4.  ดัดลวดหนีบกระดาษให้ตรง ตัดส่วนปลายให้งอตั้งฉาก เสียบประแจหกเหลี่ยมขนาดเล็กที่สุดเข้าไปในรูกุญแจแล้วหมุนค้างไว้ จากนั้นแหย่คลิปหนีบกระดาษเข้าไปในด้านบนของรูกุญแจ แหย่เข้า-ออกจนกระทั่งสลักหลุด จากนั้นหมุนประแจลงมาให้สุดแล้วดันประตูให้เปิดออก


ภาพจาก How to Pick a Lock




5.  ใช้ไขควงงัดพานพับ โดยให้ใช้ไขควงปากแบนเสียบเข้าไปในระหว่างแกนพานพับและข้อพับด้านบน ใช้ค้อนตีตะปูตอกไขควงเข้าไปให้แน่น จากนั้นแงะแกนบานพับขึ้นจนกระทั่งแกนบานพับหลุดออกมา สำหรับวิธีนี้ให้ไช้เมื่อสลักล็อกตาย ไม่สามารถเปิดได้



ภาพจาก expertvillage

           

สำหรับคนที่อยากจะเปลี่ยนลูกบิดประตูใหม่ สามารถซ่อมลูกบิดเองได้ง่าย ๆ ตามวิธีนี้เลย ติดตามวิธีซ่อมและเปลี่ยนลูกบิดประตูง่าย ๆ ไม่ใช่ช่างก็ทำได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก wikihow, Greycatshow, Mr. Locksmith, Stuff To Know, How to Pick a Lock และ expertvillage
http://home.kapook.com/view162995.html

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2559

จอดรถแล้วเปิด (ฝา) กระโปรงทิ้งไว้.. ดีจริงหรือ



หลายคนที่เดินทางไกลบ่อย ๆ คงจะเคยพบเคยเห็นรถบางคันจอดรถแวะปั๊มน้ำมัน พร้อมเปิดฝากระโปรงหน้าทิ้งไว้เพื่อระบายความร้อน.. แต่แท้จริงแล้วการเปิดฝากระโปรงหลังดับเครื่องยนต์มีความจำเป็นหรือไม่ ? เชื่อว่าหลายคนคงสงสัย วันนี้สำนักข่าว Thai quote มีคำตอบจากผู้รู้มาฝากกัน


การเปิดฝากระโปรงหน้ารถหลังจากดับเครื่องยนต์จะช่วยระบายความร้อนได้จริง เนื่องจากความร้อนจะลอยตัวขึ้นที่สูงเสมอ ดังนั้นการเปิดฝากระโปรงหน้ารถจะเป็นการช่วยให้ความร้อนถูกระบายออกไปได้เป็นอย่างดี


แต่อย่างไรก็ดีการช่วยระบายความร้อนด้วยการเปิดฝากระโปรงหน้านั้น อาจไม่มีประโยชน์กับเครื่องยนต์มากนัก เนื่องจากเครื่องยนต์มีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำที่ช่วยรักษาระดับอุณหภูมิของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการขับขี่ทางไกลที่มีมวลอากาศไหลเวียนเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์ตลอดเวลา


การเปิดฝากระโปรงหน้าหลังดับเครื่องยนต์นั้น แม้ว่าจะไม่มีผลโดยตรงต่อการระบายความร้อนสะสมในเครื่องยนต์ แต่ก็จะช่วยยืดอายุชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติกขึ้นได้ รวมถึงช่วยรักษาสภาพฉนวนกันความร้อนใต้ฝากระโปรงให้ดูสภาพดียาวนานขึ้นอีกหลายปี


ดังนั้น ไม่ว่าจะเปิดฝากระโปรงหน้าหรือไม่นั้น ไม่มีผลอย่างเป็นนัยยะสำคัญต่อเครื่องยนต์ แต่หากตั้งใจจะเปิดทิ้งไว้จริงๆ ก็ไม่ควรปล่อยรทิ้งไว้โดยไม่เฝ้าระวัง เพราะอาจมีผู้ไม่หวังดีทำมิดีมิร้ายกับรถคุณก็เป็นได้


ขอบคุณที่มา: http://thaiquote.org/people-details.php?code=2979

โพสท์โดย: SpiderMeaw


http://board.postjung.com/1004583.html

เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/explore/fast-cars/