วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สุดยอดโปรเจคท์ ตึกสูงปกคลุมด้วยต้นไม้ ธรรมชาติกลางสิ่งก่อสร้างที่ลงตัว



          สถาปนิกอิตาลี ผุดโปรเจคท์ตึกสูงระฟ้าปกคลุมด้วยพรรณไม้เขียวชอุ่ม ผสานโครงสร้างอาคารเข้ากับธรรมชาติ

           หลังจากเคยสร้างสรรค์ผลงานที่ผสานโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมเข้ากับธรรมชาติ จนกลายเป็นตึกสูงระฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยความเขียวชอุ่มกันมาแล้วในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ล่าสุด สเตฟาโน โบเอรี (Stefano Boeri) สถาปนิกชาวอิตาเลียน ก็ได้ผุดโปรเจคท์ใหม่ด้วยการออกแบบอพาร์ทเม้นท์สูง 117 เมตร ที่จะถูกปกคลุมไปด้วยสีเขียวแห่งพรรณไม้ขึ้นอีกครั้ง ในเมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์


             โดยเว็บไซต์ Bored Panda ได้นำเสนอผลงานนวัตกรรมโครงสร้างสีเขียวชิ้นที่ 2 ของ สเตฟาโน โบเอรี เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 เปิดเผยว่า อพาร์ทเม้นท์สีเขียวความสูง 36 ชั้นนี้ ถูกตั้งชื่อว่า "La Tour des Cedres" หรือ เดอะ ทาวเวอร์ ออฟ เชดดาร์ (The Tower of Cedars) สถานที่ซึ่งจะกลายมาเป็นที่อยู่ของต้นไม้กว่า 100 ต้น พุ่มไม้กว่า 6,000 พุ่ม และอีกกว่า 18,000 พืชพรรณจากธรรมชาติที่จะแผ่กระจายไปทั่วพื้นที่สีเขียว 3,000 ตารางเมตร เพื่อปกป้องพื้นที่อาศัยในอาคารจากกระแสลมแรง ฝุ่นควัน ตลอดจนมลพิษทางเสียงต่าง ๆ พร้อมกันนั้นอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ยังจะกลายมาเป็นทิวทัศน์ใหม่ที่มอบความสบายตาแก่เมืองอีกด้วย


                  สำหรับห้องต่าง ๆ ที่อยู่ภายในอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ จะมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 2-5 ห้องนอน ตลอดจนมีบริการสำนักงาน ยิม และร้านอาหารที่สามารถชมวิวสวย ๆ ของเมืองได้บริเวณบนสุดของอาคารด้วย ทั้งนี้รายงานจากเว็บไซต์ skyscrapercenter.com ระบุว่าอาคารแห่งนี้มีแผนจะเริ่มการก่อสร้างในปี 2560


ภาพจาก boredpanda.com

http://home.kapook.com/view134704.html

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

รายการของ 10 อย่าง ที่ควรต้องโละออกจากบ้านได้แล้ว



          เชื่อว่าหลายคนคงประสบปัญหาไม่มีพื้นที่จะเดินในบ้าน เพราะข้าวของมากมายที่เพิ่มมาเรื่อย ๆ ทั้งที่ของเก่าก็ยังอยู่ ครั้นจะจัดระเบียบบ้านก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน จะโละของเก่าก็เสียดาย แต่เพราะความเสียดายนี่แหละค่ะที่ทำให้บ้านของเรารกรุงรังแบบแก้ไม่หายสักที และวันนี้เรามีลิสต์รายการของ 10 อย่าง ที่ควรต้องโละออกจากบ้านได้แล้ว ว่าแต่จะมีอะไรบ้างนั้น มาเช็คกันเลย
 

1. เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า

             เรียกว่าเป็นปัญหาสำหรับทุกบ้านเลยสำหรับ เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า ทั้งตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ที่ใช้งานไม่ได้แล้ว แต่เราก็ยังเก็บไว้เพราะมัวแต่คิดว่าซื้อมาตั้งหลายตังค์ถ้าจะเอาไปขายก็คง ได้ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งล่ะก็ หากเรายังมัวเก็บไว้แบบนี้ พอตัดสินใจจะเอามาขายอีกที เครื่องใช้ไฟฟ้าอาจขึ้นสนิมจนร้านขายของเก่ายังไม่รับซื้อ หรืออาจจะให้ราคาน้อยกว่าเดิมก็เป็นได้ ดังนั้นรีบเคลียร์ตั้งแต่ตอนนี้ รับรองเลยว่าคุณจะมีพื้นที่ใช้งานอีกบานเบอะ เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชิ้นเนี่ยกินพื้นที่ห้องเก็บของไม่น้อยเลย

  
2. เอกสารเก่า

             คำว่า "เอกสาร" ทำให้เราคิดว่าทุกอย่างสำคัญไปซะหมด เลยทำให้คุณไม่กล้าทิ้งเพราะกลัวจะมีผลอะไรในอนาคต เช่น เอกสารสำคัญการซื้อขาย, เอกสารเกี่ยวกับการเสียภาษี, ใบรับประกันเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง เป็นต้น แต่บางทีคุณอาจลืมไปว่าการเก็บเอกสารเหล่านี้ไว้เนิ่นนานจนกระดาษเหลืองหรือ ถูกหนูแทะ แบบนี้ก็ถือเป็นเอกสารที่ไม่สมบูรณ์ จะเอาไปยื่นเรื่องทำอะไรก็ไม่ได้ ดังนั้น เอกสารสำคัญจริง ๆ เช่น โฉนดที่ดินควรใส่ซองหรือเคลือบไว้อย่างดี ส่วนเอกสารอื่น ๆ ที่มีวันหมดอายุ เช่น ใบรับประกันต่าง ๆ หรือใบเสร็จที่ไม่ใช้แล้ว ก็ควรโละทิ้งไปเลย 
  
3. ที่นอนและเตียง

             ของทุกอย่างย่อมมีอายุการใช้งานรวมถึงเตียงและ ที่นอนด้วย ลองสำรวจตัวเองว่าคุณมีอาการปวดหลังหรือปวดคอบ้างหรือเปล่า เพราะอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณบอกว่าคุณควรจะยกเครื่องเตียงนอนหรือฟูกได้ แล้ว เนื่องจากการใช้งานเป็นเวลานานอาจทำให้ฟูกหรือเตียงยุบแอ่นลงตรงกลาง ทำให้คุณมีอาการดังกล่าวได้ รวมถึงผ้าห่มและหมอนด้วยเช่นกัน และเมื่อได้เตียงใหม่แล้วก็อย่าลืมโละเตียงเก่าออกไปด้วย เพื่อที่บ้านของคุณจะได้มีพื้นที่มากขึ้นค่ะ


4. สัญญาณเตือนไฟไหม้และถังดับเพลิง

             แน่นอนว่าทั้งสองสิ่งนี้เป็นอุปกรณ์สำคัญประจำบ้าน แต่หากทิ้งไว้นาน ๆ ก็อาจเสื่อมสภาพได้เช่นกัน ซึ่งหากไม่มีการใช้งานก็สามารถเก็บไว้ได้ถึง 10 ปี แต่หากเกินกว่านั้นคุณจำเป็นต้องพิจารณายกเครื่องใหม่ ส่วนสัญญาณจับควันหรือจับความร้อน หมั่นดูว่ามีฝุ่นเกาะหรือมีหยากไย่หรือเปล่า ทั้งนี้เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งาน แต่ถ้าหากไม่สามารถใช้งานได้ก็ควรจะเปลี่ยนใหม่เช่นกันค่ะ

  
5. ยาและวิตามิน

             จริงอยู่ที่ทุกบ้านควรมีตู้ยาสามัญประจำบ้านไว้ในกรณีเจ็บป่วยแบบฉุกเฉิน แต่ลองเช็คดูสักนิดนะคะว่ายาในตู้ยาของคุณหมดอายุแล้วหรือยัง ทั้งยาแก้ปวด ยาล้างแผล และหากพบว่ายาหมดอายุก็ควรทิ้งทันที นอกจากนี้วิตามินต่าง ๆ ที่แช่ไว้ในตู้เย็นด้วย ก่อนกินทุกครั้งควรเช็ควันหมดอายุด้วยนะคะ

  
6. เครื่องสำอางและน้ำยาทาเล็บ 

             เรียกว่าเป็นของประจำตัวของสาว ๆ เลย สำหรับเครื่องสำอาง ทั้งลิปสติก แป้งพัฟ อายไลเนอร์ หรืออายแชโดว์ ที่มีกันเป็นคอลเลคชั่น และดูเหมือนว่าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่ของเก่าก็ยังใช้ไม่หมดสักแท่ง หรือบางอย่างใช้หมดแล้วแต่ก็ยังเก็บตลับไว้เนื่องจากแพ็กเกจดูดีจนเต็มโต๊ะ เครื่องแป้งไปหมด ดังนั้น อย่าเสียดายที่จะทิ้งของเหล่านี้หรือไม่ก็ควรใช้ให้หมดเป็นแท่ง ๆ ไป นอกจากจะไม่รกแล้วยังช่วยเซฟเงินได้อีกเยอะเลย อ้อ...น้ำยาทาเล็บก็เช่นกันถ้าอันไหนที่แห้งกรังแบบใช้งานไม่ได้แล้วก็ควร โละทิ้งด้วยนะคะ 


7. ไม้แขวนเสื้อเก่า

             เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยหงุดหงิดกับไม้แขวนเสื้อที่ขึ้นสนิม แต่ไม่ทันมองแล้วดันเอามาแขวนเสื้อขาว ผลก็ก็คือเสื้อสีขาวของเรากลับเปื้อนสนิมซะงั้น<-อย่างนั้น ดังนั้น ควรโละทิ้งไม้แขวนเสื้อเหล่านี้ได้แล้วนะคะ จะได้ไม่ต้องหงุดหงิด จะหยิบไม้แขวนอันไหนก็ไม่ต้องระวังว่าเสื้อจะเปื้อนสนิมด้วย 


8. หนังสือและซีดีเก่า

             สำหรับคนที่รักหนังสือแล้ว คงเป็นเรื่องยากที่จะเห็นมันถูกชั่งกิโลขายในราคาถูกต่อหน้าต่อตา ก็แหมเล่มละไม่ใช่ถูก ๆ นี่เนอะ แถมบางเล่มกว่าจะได้มาก็ต้องไปแย่งชิงกับคนอื่นด้วย ดังนั้น ควรเลือกเก็บหนังสือที่คุณชอบไว้จริง ๆ ส่วนเล่มอื่น ๆ นั้น การบริจาคให้กับมูลนิธิต่าง ๆ ก็เป็นไอเดียที่ดีค่ะ ส่วนซีดีเก่าที่ไม่ได้หยิบมาดูเป็นเวลานานก็ควรเช็คสักหน่อยว่ามันยังใช้ได้ หรือไม่ เพราะบางทีที่คุณเก็บ ๆ ไว้น่ะ มันอาจจะกลายเป็นขยะตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้


9. ของที่ชำรุดหรือแตกหัก

             ถือว่าทำใจลำบากไม่น้อยหากจะต้องทิ้งแก้วกาแฟใบโปรด จานสีสันสวยงามแต่มีรอยร้าว หรือกาน้ำชาราคาแพง รวมทั้งสิ่งของอื่น ๆ ที่คุณใช้ประจำ แต่อย่าลืมว่าการเก็บสิ่งของเหล่านี้ไว้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อยู่ดี แถมยังเป็นขยะสะสมในบ้านอีกด้วย หรือหากคุณยังเสี่ยงใช้แก้วบิ่นอยู่ละก็ อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน ดังนั้นตัดอกตัดใจโละทิ้งดีกว่านะคะ


10. เฟอร์นิเจอร์เก่า

             เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นนับว่ามีราคาไม่ใช่ถูก ๆ หากว่ามันชำรุดเล็กน้อยก็ยังพอจะซ่อมเพื่อที่จะใช้ต่อไปได้ หรือบางชิ้นที่ยังมีสภาพดีแต่ถ้าเอาไปซ่อมอาจมีราคาที่ดูแล้วไม่คุ้ม สู้ซื้อชิ้นใหม่ไปเลยดีกว่า ดังนั้นลองนำไปบริจาคตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ความสามารถซ่อมแล้วใช้งานต่อไปได้ก็ถือว่าสร้างประโยชน์ให้ผู้อื่นด้วย แต่ถ้าหากมันผุพังจนเกินเยียวยาแล้วละก็ อย่าไปเสียดายเลยค่ะ คิดซะว่ามันคือขยะชิ้นหนึ่ง และบ้านของคุณก็จะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นด้วย

  
             ลองสำรวจกันนะคะว่าที่บ้านของคุณมีสิ่งของใดที่ไม่ใช้บ้างหรือเปล่า และอย่าลังเลที่จะเก็บไว้เพราะความเสียดาย เพราะนอกจากบ้านจะรกไม่น่าอยู่แล้ว ยังเป็นแหล่งของเชื้อโรคและสัตว์ร้ายด้วยนะ
 

เครดิตภาพ  http://www.thaihealth.or.th/Content/27704-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%20%E2%80%98%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E2%80%99.html